วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ลักษณะการนำเสนอและคุณสมบัติผู้นำที่ดี

หลังจากกำหนดจุดมุ่งหมายการนำเสนออย่างชัดเจน และวิเคราะห์ผู้รับการนำเสนอแล้วจะต้องต้องเลือกรูปแบบการนำเสนอให้เหมาะสมมีการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาสนับสนุนการนำเสนอด้วยการนำมาเขียนคำกล่าวนำและเนื้อเรื่องตลอดจนคำสรุป รวมทั้งจะต้องจัดเตรียมการใช้โสตทัศนูปอุปกรณ์ ตามความเหมาะสมในการนำเสนอผลงานให้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์นั้น
อาจแบ่งได้เป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. เตรียมให้พร้อม
2. ซ้อมให้ดี
3. มีบุคลิกมั่นใจ

1.1 การเลือกรูปแบบการนำเสนอ เป็นการพิจารณาความเหมาะสมว่าจะให้การนำเสนอรูปแบบใด จึงจะเหมาะสม วัตถุประสงค์ของการนำเสนอ เหมาะกับลักษณะและความต้องการหรือไม่
1.2 การรวบรวมข้อมูล ผู้นำเสนอจะต้องทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆให้แจ่มชัด การนำเสนอเอกสาร ข้อมูลประกอบจะต้องมีความรอบคอบ จัดทำเป็นระบบระเบียบ การนำเสนอผลงานประกอบคำบรรยายภาพ ไม่ควรอธิบายเพียงสิ่งที่อยู่บนจอภาพ ควรพูดถึงที่มาของกระบวนการคิด ปัญหาข้อผิดพลาดและความสำเร็จ เพื่อให้รู้สนใจ ทั้งงานของคุณและตัวคุณเอง
1.3 การเตรียมคำพูด กล่าวนำ เนื้อเรื้อง และคำสรุป เป็นขั้นตอนที่สำคัญ การกล่าวนำให้น่าสนใจ เร้าความรู้สึกใคร่รู้ ให้ส่วนกลางฟัง ซึ้งไม่ควร จะมีความยาวเกินกว่า 10 % ของเนื้อหาทั้งหมดส่วนเนื้อเรื่อง จะต้องประมวลความคิดด้วยการรวบรวมข้อมูลสถิติหลักฐาน มีการคิดเหตุผล และจัดลำดับความคิดนำมาเรียบเรียงถ้อยคำ และเลือกใช้ถ้อยคำให้สื่อความหมายตรงตามวัตถุประสงค์อย่างเหมาะสมส่วนคำสรุป ไม่ควรมีคำกล่าวกวน แต่จะต้องมีความสั้น กระชับ ระหว่าง 5-10 % ของเนื้อหา เพราะการสรุปเป็นการประมวลความจากเนื้อหาให้หลอมรวมกัน เพื่อเน้นย้ำสาระของเรื่องที่นำเสนอแต่ไม่ใช่การกล่าวซ้ำความในเนื้อเรื่อง

2. ซ้อมให้ดี
2.1 ซ้อมพูด เมื่อทำสื่อเพื่อการนำเสนอเสร็จ ไม่ได้หมายความว่าคุณนั้นพร้อมจะนำเสนอ ดังนั้นจงซ้อมจน กระทั่งสามารถควบคุมจังหวะและเวลาได้ และไม่รู้สึกเกร่ง ลองหาหนูทดลอง มาฟังคุณซ้อมอาจจะชวนเพื่อนหรือคนที่ไม่รู้จักมาฟังจะดีมากยืนพูด ให้ความสำคัญกับลักษณะ ท่าทางและเสียงพูดของคุณดูว่าฟังพูดตะกุงตะกัก
2.2 ปรับปรุงแก้ไข เป็นส่วนที่จะละเลยไม่ได้ ในการฝึกซ้อมจะพบข้อติดขัด หรือ บกพร่องอยู่ แต่ถ้าปล่อยให้เลยตามเลยไม่คิดหาวิธีแก้ไขและดำเนินปรับปรุง

3. มีบุคลิกมั่นใจ
3.1 ลักษระการนำเสนอที่ดี โดยทั่วไปควรมีดังต่อไปนี้
1. มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มีความต้องการที่แน่ชัด อะไร
2. มีรูปแบบการนำเสนอเหมาะสม มีความกะทัดรัด
3. เนื้อหาสาระดี มีความน่าเชื่อถือ
4. มีข้อเสนอที่ดี มีข้อเสนอที่สมเหตุสมผล

3.2 คุณสมบัติของผู้นำเสนอในการนำเสนอด้วยวาจา คุณสมบัติอันเป็นลักษณะประจำตัวในของผู้นำเสนอ ถือได้ว่า เป็นส่วนสำคัญของความสนใจในการนำเสนอผู้นำเสนอที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1. มีบุคลิกดี = 7
2. มีความรู้อย่างถ่องแท้ = 6
3. มีความน่าเชื่อถือไว้วางใจ =8
4. มีความเชื่อมั่นในตนเอง= 8
5. มีภาพลักษณ์ที่ดี= 8
6. มีน้ำเสียงชัดเจน =6
7. มีจิตวิทยาโน้มน้าวใจ= 6
8. มีความสามารถใช้โสตทัศนอุปกรณ์ =6
9. มีควาช่างสังเกต =8
10. มีไหวพริบปฎิภาณในคำถามดี =7

หลักการสร้างสื่อ เพื่อการนำเสนอที่ดี

ตัวอย่างกรณีศึกษา สื่อไตเติ้ลรายการ ศิลปะในการนำเสนอไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่ มุมกล้องการจัดแสงที่สวยงาม สื่ออารมณ์และความหมายภามที่ผู้ผลิต รายการต้องการเท่านั้นยังมีศิลปะของการนำเสนออีกรูปแบบหนึ่งที่ทุกรายการจะขาดเสียมิได้ นั้นดี ๆส่วนที่เรียกว่าเป็น ส่วนประกอบรายการ อันได้แก่

ไตเติ้ล ตัวอย่างรายการ อินเตอร์ลูดหรือคีซีน และท้ายรายการไตเติ้ล คือ ส่วนประกอบรายการโทรทัศน์ ที่ทำหน้าที่บอกชื่อรายการโดยปกติจะอยู่ ในส่วนแรกสุด ของรายการ
1. รูปแบบการนำเสนอ
2. ลักษณะของภาพ
3. ทัศนสารที่ใช้สร้างเรื่อง
4. ตัวอักษรชื่อรายการ
5. ลำดับการนำเสนอ
6. การใช้เสียง
7. ความยาว
8. ลีลา

1. รูปแบบการนำเสนอไตเติ้ลรายการคือวิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพที่ปรากฎในไตเติ้ลรายการ ในไตเติ้ล
1.1 การใช้ชื่อรายการ มีการใช้เฉพาะชื่อรายการเท่านั้นในการนำเสนอโดยปราศจากภาพ ที่จะช่วยขยายความหรื่อเล่าเรื่อง
1.2 การใช้สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ เป็นสิ่งที่ใช้แทนความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
1.3 การนำเสนอบุคคล การนำเสนอบุคคลในไตเติ้ล รายการมี 3 ลักษณะคือ การแนะนำ ผู้ดำเนินรายการ หรือพิธีกร การแนะนำนักแสดง และการแนะนำแขกรับเชิญ
1.4 การใช้ภาพแสดงเนื้อหา ภาพแสดงเนื่อหาที่ใช้เป็นรูปของการนำเสนอไตเติ้ลทำให้ผู้ชมทราบได้เป็นอย่างดี
1.5 การสร้างโครงเรื่อง โดยปกติแล้วโครงเรื่องเป็นส่วนประกอบสำคัญของการเล่าเรื่องในรูปแบบละคร
2. ลักษณะของภาพไตเติ้ล
2.1 ชนิดภาพมีการสร้างสรรค์ ภาพโดยใช้ภาพที่ถ่ายจริง มักเป็นไตเติ้ล
2.2 มุมกล้องภาพ ที่ปรากฏมักเป็นภาพประเภท simple shot คือเป็นภาพที่มีเพียงวัตถุเท่านั้นที่เคลี่อนไหวdeveloping shot เป็นภาพที่ประกอบขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเลนน์complex shot เป็นภาพที่ประกอบขึ้นจากการเคลื่อนไหวของเลน
2.3 ลำดับภาพ คือวิธีการเรียงร้อยภาพเข้าไว้ด้วยกันเพื่อสื่อสารไปยังผู้ชมการซ้อนภาพการตัดภาพ เป็นการนำภาพหนึ่งไปต่อท้ายภาพอีกภาพหนึ่งการจางซ้อนภาพ เป็นการนำภาพหนึ่ง ไปเชื่อมกับอีกภาพหนึ่งโดยที่ในช่วงการเชื่อมต่อ ช่วงท้ายของภาพแรกค่อย ๆจางภาพไปการกวาดภาพ เป็นการนำภาพหนึ่งไปเชื่อมกับอีกภาพหนึ่ง โดยช่วงการเชื่อมต่อยังคงเห็นทั้งสองภาพ มีความชัดเท่ากัน
3. ทัศนสารที่ใช้สร้างเรื่องได้แก่ พื้นที่ เส้น รูปร่าง ความเข้ม สี การเคลื่อนไหว และจังหวะ
3.1 พื้นที่
3.2 เส้น ปรากฏอยู่ในทุก ๆส่วนของภาพ เพราะเมื่อมีความแตกต่างของความเข้มสีหรือสีตัด กันอย่างชัดเจนเส้นสีปรากฏเส้นที่พบเห็นในไตเติ้ล
3.3 รูปร่าง การใช้รูปร่างพื้นฐาน ได้แก่ วงกลม สี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยม สำหรับรูปร่างพื้นฐาน สองมิติ และทรงกลมลูกบาศน์
3.4 สี และความเข้มสี สีแต่ละสีให้อารมณ์

สีแดง ความตื่นเต้นเร้าใจ
สี่เหลือง ดูสดใส ศักดิ์สิทธิ์
สีน้ำเงิน หนักแน่น มีราคาสีฟ้า ให้ความสุขสบาย โปร่ง
สีเขียว ให้ความรู้สึกสดชื่นสีม่วง มีเสน่ ลึกลับ
สีชมพู รู้สึกนุ่มนวล
สีสันหลากหลาย สดใส สนุกสนาน

ครั้งที่ 8 แบนเนอร์คอนเสริต์ KARA

CONCEPT : Kara Revolution live in Bangkok

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ครั้งที่ 5 ลักษ์ เผยผิวเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ

concept : เผยผิวขาวเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ




วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ครั้งที่ 6. หลักการสร้างสื่อเพื่อการนำเสนอที่ดี



1. ชื่อศิลปิน - วง KARA






2. ข้อมูลเบื้องต้น - ประวัติ วงKARA



KARA (คาร่า) เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตของเกาหลี มีสมาชิก 5 คนประกอบไปด้วย



ปาร์ค คยูริ หัวหน้าวงผู้เข้มแข็ง

ฮัน ซึงยอน สาวมั่นมากความสามารถ ที่พกพาความสดใสมาเต็มพิกัด

จอง นิโคล สาวน้อยจากแดนไกลที่แร๊พได้มันไม่แพ้ผู้ชาย

คู ฮารา สาวช่างฝันที่ไม่ละความพยายาม และน้องเล็กสุดของวง

คัง จียอง สาวน้อยสุดน่ารัก ที่ใคร ๆ ได้รู้จักจะต้องตกหลุมรักในความน่าเอ็นดูของเธอ



วง KARA เดบิวต์ครั้งแรกในวันที่ 29 มีนาคม ปี 2007 กับงานเพลงอัลบั้มแรก Blooming ที่เป็นส่วนผสมของแนวเพลง Funk , Hip-hop , Dance และ Pop โดยส่ง 2 ซิงเกิ้ลสุดฮิต Break It และ If U Wanna ออกมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆให้กับวงการเพลงเกาหลี จนวัยรุ่นทั่วประเทศสามารถจดจำภาพลักษณ์ของวง KARA ได้เป็นอย่างดี กับความสดใสน่ารัก และโชว์ที่มีพลังของพวกเธอ จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งกับสมาชิกใหม่ของวงใน 1st Mini Album Rock-Uที่บ่งบอกถึงความน่ารักสดใสของพวกเธอได้เป็นอย่างดี

ปลายปี 2008 KARA ก็ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าเดิมด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดที่สอง Pretty Girl โดยส่งซิงเกิ้ลสุดฮอต Pretty Girl มาสร้างสีสันในช่วงปลายปีให้คึกคัก พร้อมกับพาให้ Pretty Girl ติดชาร์ตเพลงอันดับ 1 ของรายการเพลงชั้นนำของเกาหลี

ในปี 2009 KARA ก็กลับมากับภาพลักษณ์ใหม่อีกครั้งจากสาวน้อยที่สดใสกลายมาเป็นเทพธิดาสุดอ่อนหวาน ที่แปลงโฉมให้ทั้ง 5 สาวดูโตขึ้น สวยใสและบริสุทธิ์ กับซิงเกิ้ลใหม่ Honey และอัลบั้มล่าสุด KARA Revolution ที่ปรับโฉมของทั้ง 5 สาวให้เซ็กซี่ขึ้นอีกครั้ง









3. กลุ่มเป้าหมาย - กลุ่มวัยรุ่นที่รักเสียงเพลงและการเต้น




4. Concept - KARA Revolution live in Bangkok

5. อารมณ์และความรู้สึก - ความสุข:สนุก:มันส์

มีความสุข





สนุก




มันส์



วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครั้งที่ 4 เทคนิคการนำเสนอ

1. การใช้ภาพเหนือจริง
2.การอุปมาทางการเห็น

3. การรวมกันเข้าของสองสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง



4. ภาพล้อเลียน




5. ภาพที่มีขนาดไม่ปกติ



6. การใช้มุมกล้องแทนสายตาผู้ดู


7. การสร้างความผิดปกติจากของจริง



*******************************************************************************
เทคนิคการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานโฆษณาในการสร้างสรรค์งานโฆษณาให้ประสบผลสำเร็จตามวัตถุประสงคืนั้นต้องขึ้นอยู่กับ
1. การวางกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา

2. การนำเสนอความคิดสร้างสรรค์ในโฆษณา


3. การสร้างสรรค์งานให้โดดเด่นมีประสิทธิภาพอย่างเหมาะสมแนวคิดเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานโฆษณาการนำเสนอความคิดสร้งสรรค์ในโฆษณา Creative ExecutionExecution หมายถึง การใส่เนื้อหาลงในงานโฆษณา เป็นการนำเสนอภาพ คำพูดและองค์ประกอบอื่น ๆ ของการสร้งสรรค์ Creative Mix มาผสมผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพกับศิลปะและสุนทรี เพื่อให้เกิดการสื่อข้อความที่มีปรสิทธิภาพและประสิทธิผล

1.องค์ประกอบของการสร้างสรรค์งานโฆษณา


2.รูปแบบการนำเสนอภาพโฆษณาองค์ประกอบของการสร้างสรรค์งานโฆษณา คือเพื่อให้งานโฆษณาสามารถบรรลุแนวปราการของขั้นตอนการเลือกการรับรู้ Selective Perception ของผู้บริโภคได้นั้น นอกจากยุทธวิธีในการโฆษณาถูกวางให้เป็นแนวทางแล้ว ทั้งด้านแนวคิด Concept ลีลา Tone จุดเว้าวอน Apeal จุด Selling Point ตลอดจนแนวทางการนำเสนอ

1. ส่วนของคำพูดวัจนภาษา คือถ้อยคำในการส่งสารไปสู่เป้าหมาย ได้แก่

1. พาดหัวหลัก

2. พาดหัวรอง
3. ข้อความโฆษณา
4. คำบรรยายใต้ภาพ
5. สโลแกน
6. บรรทัดท้าย

7. ชื่อตราสินค้า

2. ส่วนที่ไม่เป็นคำพูด อวัจนภาษา ได้แก่ 1. ภาพปรกอบ ไม่ต้องมีคำพูด อาจมีภาพสินค้า ภาพที่อธิบายความคิดหรือไม่ต้องมีสินค้าก็ได้ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ ภาพถ่าย ภาพลายเส้น และภาพลายเส้นและภาพถ่ายรวมกันโดยการสร้างเรื่องราวได้ดี2. การจัดภาพที่ดี มีความสมดุลมีจุดเด่น มีสัดส่วนที่ดี มีที่ว่างที่เหมาะสม

3. โลโก้ การแสดงเอกลักษณ์ของสินค้าเป็นภาพลาย
เส้น

4. ขนาดสัดส่วน ความเด่น ความแรง เป็นภาพลายเส้น

5. สี อาจจะใช้สีที่เกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ ก็จะใช้น้อยแล้วแต่โฆษณา

6. การใช้ตัวอักษร สามารถให้อารมณ์และบุคลิกกับตัวสินค้าได้เหมือนกันรูปแบบการนำเสนภาพโฆษณาการนำเสนอภาพลักษณะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาดึงดูดความสนใจภาพ 1 ภาพ สามารถบอกอะไรได้มากมายเกี่ยวกับการใช้ภาพไ
ม่คาดคิด Uexpected Visual Image เป็นรูปแบบการนำเสนอภาพโฆษณา

ครั้งที่ 3 เทคนิคการสร้างงาน

1. การปรับแต่งภาพกราฟิก
ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป็นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียกว่า ไฟล์ภาพแบบ "บิทแมพ" (Bitmap) คุณสมบัติทีสำคัญของไหล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสี ขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า "พิกเซล" (Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตาราง เนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ การปรับภาพให้คมชัด (Unsharp Mask) Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่สมจริงเลือกคำสั่ง Filter>sharpen>Unsharp Mask การใช้ Filter Gallery เปนเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่กราฟิกให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์ของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งอ๊อฟชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จะช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์พิเศษที่จ้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมากการเปิด Dry Brush ทำได้ 2 วิธี คือ1. เปิดจากคำสั่ง Filter>Filter Gallery กรณีนี้ฟิลเตอร์ชุดเดิม ที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา 2. เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Filter Gallery เช่น Filter>Artistic>Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลังงานนั้นคณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่มได

2. การตัดต่อและตกแต่งภาพหราฟิก
เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลาย ๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวแรกของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมอยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิกเมาส์ค้างๆว็ ก็จะปรากฎเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา Elliptical Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ Single Row Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน Single Column Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวั้งย้ายส่วนของภาพ เมื่อเลือกส่วนของภาพได้แล้ว เราจำเป็นที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายส่วนของภาพนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของเครื่องมือ Move Tool สำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลกเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทั้งในตำแหน่งที่ต้องการเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วยเครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือชุดนี้ จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัว ด้วยกัน คือ Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิกเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้ง ก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งไปได้ Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุดไปเรื่อย ๆ ด้วยการคลิกเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิกที่จุดต่อ ๆ ไป จนแนวเส้นที่คลิกมาบรรจบกันอีกครั้ง Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเช้กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิกเมาส์ที่จุดแรกแล้วปล่อย จากนั้นลากเมาสืไปเรื่อย ๆ ให้ใกลกับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล้ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว

3. การใช้งานเลเยอร์
เป็นเหมือนการวางแผ่นใส่ ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ดดยแต่ละแผ่นใส เปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอรื บริเวณของเลเยอรืที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยุ่ข้างล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์ และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ ง่าย การใช้งาน Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอรทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อบู่บนสุดไปจนถึงเลเยอรืที่อยู่ล่างสุด มี Scoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อดูเลเยอรืต่าง ๆ แต่ละเลเยอรืจะมีชื่อของเลเยอร์นั้น ๆ อยู่ นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window>Show Layers ที่แถบเมนู Active Layer ในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้ประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers Palette จะปรากฎเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฎอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่น แสดงวากำลังทำการปรับแต่ลเลเยอร์อยู่หรือเป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น การเปลี่ยนการทำงานไปในเลเยอร์ต่าง ๆ เราสามารถเรียกเลเยอรืใดทำงานได้ โดยการเลื่อนเมาส์ ไปที่เลเยอร์ที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูป และ Click Mousr ที่แถบของเลเยอร์นั้น เลเยอร์นี้นจะกลายเป็น Active Layer โดยทันที การซ่อนการแสดงเลเยอร์ภาพ ภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอรืหลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ ไม่ให้มองเห็นก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยที่ไม่ได้ลลเลเยอร์นั้นทิ้งเราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย1. ซ่อนเลเยอรืโดย Click mouse เพื่อซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป3. แสดงเลเยอร์โดย Click mouse อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ ชอ่งสถานะจะเปลี่ยนเป็นกลับมา4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Moshroom จะปรากฎขึ้นอีกครั้ง5. ซ่อนและแสดงหลาย ๆ เลเยอรืพร้อมกัน โดยการ Drag mouse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่าง ๆ6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป

4. การวาดภาพและระบายสี
การใช้ Brush Tool1. เสือกสีของพู่กัน2. เลือกขนาดและลักษณะของหัวพู่กัน3. กำหนดอ๊อฟชั่นต่าง ๆ (โดยการใช้ F5)4. คลิกภาพวาดตามที่ต้องการส่วนการใช้ Pencil ก็มีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกับ Brush Tool โดยใช้คลิกสั่ง Paint Bucket Tool1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี2. Click Mouse ที่ไอคอน3. Click Mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย การไล่โทนสีภาพโดยใช้คำสั่ง Gradient Toolการใช้คำสั่ง Gradient Tool1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม2. Click Mouse ที่ไอคอน Gradient Tool3. Click Mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar4. Drag Mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่เราต้องการแล้วปล่อยเมาส์ จุดที่เริ่มกดเมาส์ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น จุดที่ปล่อยเมาส์ถือว่าเป็นจุดปลายการแสดงการไล่สี มี 5 รูปแบบ1. Unear Gradtent Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดจามการหมุนของเข็มนาฬิกา4 Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน5. Diamond gradient การไล่โทสีแบบประกายแสงของเพชร

5. การสร้างตัวอักษรและข้อความ
การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอักษรศิลปืก็คล้ายกับการพิมพ์ลงในโปรแกรม Word หรือ Excel นั้นแหละ มีการกำหนดฟอนด์อักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อมความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มเปิดไฟลืภาพที่เคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ สังเกตที่มุมขวามือล่างที่พาเล็ต Leyer จะเกิด Leyer ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัวคลิกที่ภาพเมาสืจะกลายเป็นรูเคอเซอร์กระพริบ ให้พิมพ์ตัวอักษรลงไปอะไรก็ได้ ถ้าจะปลี่ยนขนิดตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนด์ตัวอักษณและอื่น ๆ ได้ที่แถบอ๊อฟชั่นบาร์ ด้านบนต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style จามที่ต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ Edit>Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษรเมาส์จะเป็นรูปที่๕ลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากรอบพอประมาณ เมาสืจะกลายเป็นรูป คลิกเมาสืค้างไว้แล้วหมุนกำหนดเอฟเฟ็คต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ตรงที่เราพิมพืข้อความลงไป ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือก พาเล้ต Style เลือกรุปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติม ให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ